รถเสียกลางทาง! ทำอย่างไรดี และควรติดต่อใคร ?

รถยนต์เสียกลางทาง ติดต่อใคร ทำอย่างไรได้บ้าง ?

อุบัติเหตุหรือเหตุไม่คาดฝันบนท้องถนนเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะปัญหา “รถเสียกลางทาง” ไม่ว่าจะเป็นช่วงระหว่างขับรถเดินทางไปทำงาน เดินทางออกต่างจังหวัด หรือขับตอนกลางคืน สิ่งสำคัญคือการตั้งสติและรู้ว่าควรทำอย่างไร และต้องติดต่อใคร เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างปลอดภัยและรวดเร็ว

ในบทความนี้จะพาไปรู้ขั้นตอนที่ควรทำทันทีเมื่อรถเกิดเหตุเสีย รวมถึงเบอร์โทรฉุกเฉินที่ควรบันทึกไว้ในมือถือ เพื่อไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากระหว่างทางที่ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมือเก๋าก็ได้ประโยชน์แน่นอน

สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อรถเสียกลางทาง

เมื่อรถมีอาการผิดปกติหรือหยุดทำงานกลางถนน สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร” โดยให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ตั้งสติและชะลอรถเข้าข้างทาง

หากสังเกตว่ารถเริ่มมีปัญหา เช่น เครื่องกระตุก ไฟเตือนขึ้น หรือเสียงดังผิดปกติ ให้เปิดไฟฉุกเฉิน (ไฟขอทางสีส้มกระพริบ) แล้วชะลอรถเข้าข้างทางที่ปลอดภัย ไม่บดบังการจราจร แต่ถ้าหากอยู่บนทางด่วนหรือถนนที่ไม่มีไหล่ทาง ให้หยุดรถในช่องฉุกเฉินหรือบริเวณที่มีไฟส่องสว่างมากที่สุด

2. เปิดไฟฉุกเฉินและติดป้ายเตือน

หลังจากจอดรถแล้ว ให้เปิดไฟฉุกเฉินและตั้งป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงที่อยู่ท้ายรถ โดยให้วางห่างจากตัวรถอย่างน้อย 30–50 เมตร เพื่อเตือนผู้ขับขี่คันอื่นให้เห็นแต่ไกล กรณีที่ไม่มีป้ายสามเหลี่ยม สามารถใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์หรือผ้าสีสะท้อนแสงแทนชั่วคราวได้ แต่ควรอยู่ในจุดที่ปลอดภัยจากการขับขี่ของรถยนต์คันอื่น

3. อย่าเปิดฝากระโปรงในจุดเสี่ยง

หลายคนอาจรีบเปิดฝากระโปรงเพื่อตรวจดูเครื่องยนต์ แต่หากอยู่ในจุดที่การจราจรหนาแน่น หรือมีรถวิ่งด้วยความเร็ว ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจเกิดอันตรายจากรถที่ขับสวนมา ควรยืนอยู่หลังแนวกั้นหรือรอความช่วยเหลือในจุดที่ปลอดภัย

4. โทรขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใกล้เคียง

เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว ให้โทรติดต่อหน่วยงานหรือบริการฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องตามกรณี เช่น ตำรวจจราจร หน่วยกู้ภัย หรือศูนย์บริการลากรถของกรมทางหลวง

เบอร์โทรฉุกเฉินที่ควรรู้ หากรถเสียกลางทาง

เพื่อให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เจ้าของรถควรบันทึกเบอร์ฉุกเฉินเหล่านี้ไว้ในโทรศัพท์ หากอยู่ในจุดที่ปลอดภัยแล้วควรทำการโทรแจ้งทันที 

ตรวจเช็กสาเหตุเบื้องต้นของรถเสียกลางทาง

กรณีที่จอดรถในจุดที่ปลอดภัยและสามารถตรวจสอบเองเบื้องตันได้ ให้ลองตรวจเช็กเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้รถหยุดกลางทาง หรือไม่สามารถขับต่อได้ ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยมีดังนี้

• แบตเตอรี่หมด มักจะสังเกตเห็นไฟเครื่องดับ หรือสตาร์ตไม่ติด มักเกิดจากการลืมปิดไฟหน้า/ไฟในรถ

• น้ำมันหมด พบได้บ่อยโดยเฉพาะการเดินทางไกลและอยู่บนเส้นทางที่ไม่มีปั๊มน้ำมันในระยะใกล้เคียง

• เครื่องยนต์ร้อนจัด เข็มวัดอุณหภูมิขึ้นสูง ควรจอดพักและรอให้เย็นก่อนเปิดฝากระโปรง

• ยางแตกหรือรั่ว กรณีที่เปลี่ยนเองได้เบื้องต้นให้ใช้ยางอะไหล่ หรือโทรเรียกบริการเปลี่ยนยางฉุกเฉิน

• น้ำมันเครื่องหรือระบบหล่อเย็นรั่ว ให้สังเกตคราบของเหลวใต้ท้องรถ แต่ควรทำเมื่อปลอดภัยจากการขับขี่ของรถยนต์คันอื่น ๆ 

หากตรวจแล้วไม่มั่นใจ ควรรอเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ อย่าพยายามสตาร์ตรถซ้ำ เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายมากขึ้น ทางที่ควรตรวจเช็กรถทุกครั้งเมื่อต้องเดินทางไกล หรือครบทุก 10,000 กิโลเมตร

สำหรับมือใหม่ที่กังวลเกี่ยวกับการขับขี่แล้วรถเสียกลางทาง ก็ลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์จริง ทั้งการตรวจเช็กเบื้องต้น และเบอร์โทรติดต่อที่เหมาะสม เท่านี้ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจและสบายใจในการขับขี่ได้มากขึ้น

สำหรับท่านที่มีรถยนต์ส่วนตัว แต่ติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย หรือการเงินสะดุดในช่วงนี้ “สินเชื่อรถแลกเงิน” จาก Ilease เป็นอีกหนึ่ง ตัวช่วยดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณหมดปัญหาทางเรื่องการเงิน เพียงนำรถยนต์มาปรึกษากับทางเรา “สินเชื่อรถแลกเงิน Ilease ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็วทันใจ”