“ช่วงล่างรถยนต์” มีอะไรบ้าง และควรเปลี่ยนช่วงล่างตอนไหนดี ?

ช่วงล่างรถยนต์ มีอะไรบ้าง และควรเปลี่ยนตอนไหนดี

ช่วงล่างรถยนต์ คือ ระบบที่เชื่อมต่อระหว่างล้อรถยนต์กับตัวถังรถ มีบทบาทสำคัญในการช่วยรับแรงกระแทกจากถนน เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมทั้งช่วยให้รถยนต์ทรงตัวดี มีความมั่นคงบนถนนมากขึ้น โดยจุดเด่นของช่วงล่างรถยนต์จะมีส่วนสำคัญอย่างมากในช่วงขับเร็วหรือเลี้ยวโค้ง ช่วงล่างที่ดีจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสบายในการขับขี่ของผู้โดยสาร

ส่วนประกอบหลักของช่วงล่างรถยนต์

ช่วงล่างรถยนต์นั้นประกอบไปด้วยส่วนสำคัญหลายส่วนด้วยกัน โดยสามารถแยกเป็นรายละเอียดได้ ดังนี้ 

1. โช้คอัพ (Shock Absorber)
เป็นชิ้นส่วนที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและแรงกระแทกเมื่อรถวิ่งผ่านพื้นผิวถนนขรุขระหรือหลุมบ่อ โช้คอัพทำงานโดยการดูดซับแรงสั่นสะเทือนเหล่านี้ ทำให้รถไม่กระแทกจนเกินไป ช่วยรักษาความสมดุลและยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น

2. สปริง (Spring)
สปริงหรือสปริงอัด ทำหน้าที่ในการรับแรงกระแทกและรองรับน้ำหนักตัวรถ ช่วยให้รถยนต์ไม่กระแทกแรงจนเกินไปเมื่อล้อยื่นขึ้นหรือลงตามพื้นถนน โดยทั่วไปจะมีทั้งสปริงแบบขดและแบบแผ่น

3. บุชชิ่ง (Bushings)
บุช หรือบุชชิ่ง คือวัสดุยางที่อยู่ตามจุดหมุนหรือข้อต่อของช่วงล่าง มีหน้าที่ในการลดแรงกระแทกและแรงสะเทือนระหว่างชิ้นส่วนโลหะ ช่วยให้การเคลื่อนไหวของช่วงล่างนุ่มนวลขึ้นและลดเสียงดังขณะขับขี่

4. ลูกหมาก (Ball Joint)
ข้อต่อสำคัญที่ช่วยให้ล้อรถยนต์สามารถเคลื่อนที่และหมุนได้อย่างอิสระ ลูกหมากนี้ต้องมีความแข็งแรงและความยืดหยุ่นสูง ปกติจะติดตั้งทั้งบนและล่างของปีกนกในระบบช่วงล่าง

5. ปีกนก (Control Arm)
แขนเหล็กที่เชื่อมต่อช่วงล่างกับตัวถังรถยนต์ ช่วยควบคุมการเคลื่อนที่ของล้อให้เป็นไปตามทิศทางที่ต้องการ เพื่อรักษาความเสถียรและสมดุลของรถในขณะขับขี่

6. เหล็กกันโคลง (Stabilizer Bar)
วัสดุอีกชิ้นที่ช่วยลดการโคลงตัวของรถตอนเลี้ยวโค้ง เป็นตัวช่วยให้รถยนต์ทรงตัวได้ดีขึ้น ป้องกันรถยนต์เอียงหรือพลิกคว่ำเมื่อขับในความเร็วสูง

สัญญาณเตือนที่บอกว่าช่วงล่างรถยนต์มีปัญหา

เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากช่วงล่างที่เสื่อมสภาพ ผู้ขับขี่ควรสังเกตอาการเหล่านี้

• รถมีอาการสะเทือนหรือกระแทกแรงขึ้นเมื่อขับผ่านถนนไม่เรียบ
• รถโคลงหรือเอียงเวลาขับขี่เร็วหรือเลี้ยวโค้งมากกว่าปกติ
• มีเสียงดังกรอบแกรบบริเวณช่วงล่าง โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านหลุมบ่อหรือเนิน
• รถโน้มตัวไปข้างหน้าเวลาที่เบรกแรงหรือเวลาลงเนิน
• ผ้าเบรกหรือยางรถยนต์สึกไม่เท่ากันทั้งสองข้าง หรือยางเกิดการสึกเป็นปื้น
• ศูนย์ล้อไม่ตรงทำให้รถดึงไปทางข้างใดข้างหนึ่งเวลาขับขี่ทางตรง

ควรเปลี่ยนช่วงล่างตอนไหนดี ?

แต่ละชิ้นส่วนของช่วงล่างมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

• โช้คอัพ : ควรเปลี่ยนเมื่อวิ่งได้ประมาณ 50,000 – 70,000 กิโลเมตร หรือเมื่อพบอาการผิดปกติ เช่น รถสะเทือนมากขึ้นหรือมีน้ำมันรั่วซึมจากตัวโช้คอัพ

• สปริง : มักจะทนทานกว่าโช้คอัพ แต่หากพบว่าหักหรือเสียรูป ควรเปลี่ยนทันที เพราะส่งผลต่อความปลอดภัยและการทรงตัวของรถ

• ลูกหมากและบุช : ควรตรวจเช็คสภาพทุก 20,000 – 40,000 กิโลเมตร โดยเฉพาะถ้าขับรถบนถนนขรุขระบ่อยๆ เมื่อพบการสึกหรอหรือหลวมควรเปลี่ยนเพื่อป้องกันการเสียหายของช่วงล่าง

• ปีกนก : ควรตรวจสอบทุกครั้งที่มีการเข้าศูนย์บริการใหญ่หรือเมื่อรถมีอาการผิดปกติ เวลาเปลี่ยนลูกหมากมักจะเปลี่ยนพร้อมกับปีกนกเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

• เหล็กกันโคลง : ถ้าพบว่ามีรอยแตก แตกหัก หรือตัวยางถูกทำลายควรเปลี่ยนทันที เพราะจะส่งผลต่อความสมดุลเวลาขับขี่

ช่วงล่างรถยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสบายในการขับขี่ การดูแลรักษาและตรวจเช็คสภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ และลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ การเปลี่ยนชิ้นส่วนช่วงล่างควรทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญหรือเวลาที่ชิ้นส่วนเริ่มสึกหรออย่างเห็นได้ชัด เพื่อให้รถยนต์ของคุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกเส้นทาง

สำหรับท่านที่มีรถยนต์ส่วนตัว แต่ติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย หรือการเงินสะดุดในช่วงนี้ “สินเชื่อรถแลกเงิน” จาก Ilease เป็นอีกหนึ่ง ตัวช่วยดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณหมดปัญหาทางเรื่องการเงิน เพียงนำรถยนต์มาปรึกษากับทางเรา “สินเชื่อรถแลกเงิน Ilease ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็วทันใจ”